เมืองหลวง10ประเทศอาเซียน
ประเทศฟิลิปปินส์

ประวัติความเป็นมากรุงมะนิลา
จากอดีตจนถึงปีค.ศ. 1976 มะนิลาเป็นเพียงกลุ่มชนเล็กๆ ที่ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ทั้ง 17 เมือง ต่อมาประธานาธิบดีมาร์คอสได้ทำการรวบรวมทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาศูนย์กลางเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียจึงได้ถือกำเนิดขึ้น มะนิลามีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์โดยชนกลุ่มแรกได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณอ่าวมะนิลา เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการค้าขายระหว่างประเทศ ทั้งการส่งออกผ้าไหมจากโลกเก่าไปขายยังฝั่งตะวันตก รวมถึงการส่งออกเงินและทองคำจากโลกใหม่สู่ฝั่งตะวันออก ทำให้เมืองท่าน้ำลึกแห่งนี้กลายเป็นทางเลือกสำหรับพ่อค้าเดินเรือสมุทรชาวต่างชาติคนแรกที่ค้นพบอ่าวมะนิลาเป็นชาวจีนที่เดินทางมาถึงเกาะลูซอนในปี ค.ศ. 98 ต่อมาอิทธิพลของชาวจีนได้ถูกแทนที่ด้วยการครองราชย์จากองค์สุลต่านราชสุไลมาน อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดวัฒนธรรมท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสเปนซึ่งหลงเหลือร่องรอยไว้ตั้งแต่เข้ามาตั้งอาณานิคม โดยมาเจลลัน นักสำรวจที่มีชื่อเสียงได้เทียบท่าที่เกาะฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 1521 และประกาศสิทธิเหนือดินแดนหมู่เกาะทั้งหมดว่าเป็นของสเปนในทันทีในปี ค.ศ. 1571 สเปนได้ขยายเขตการปกครองไปถึงกรุงมะนิลาและเริ่มก่อตั้งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น ป้อมปราการอินทรามูรอส จากนั้นเริ่มก้าวสู่การค้าโลกโดยการธุรกิจเดินเรือมะนิลา-อะคาพัลโค แกลเลียน ซึ่งก่อให้เกิดผลกำไรงอกงามและส่งผลให้มะนิลาเป็นเมืองหนึ่งที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียตะวันออกในขณะนั้น ตราบจนปัจจุบันยังสามารถชมร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองจากยุคนั้นได้ที่พิพิธภัณฑ์ซานอากุสติน การเข้ามาปกครองของสเปนทำให้เกิดการผสมวัฒนธรรมแบบลาตินเข้ากับวัฒนธรรมเอเชียและทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ท้ายที่สุดเมื่อชาวฟิลิปปินส์พร้อมที่จะประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ. 1898 พวกเขาได้กบฎต่อกฎของอาณานิคมสเปน สหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ฟิลิปปินส์จัดตั้งเป็นรัฐใหม่ ในปี ค.ศ.1935 แต่เมื่อญี่ปุ่นเข้ามารุกรานในปี ค.ศ.1941 จึงต้องยกเลิกไป ต่อมาในปี ค.ศ. 1942 กองทัพญี่ปุ่นบังคับให้กองกำลังอเมริกันและฟิลิปปินส์ยอมแพ้ แต่หลังจากทำสงครามที่ยืดเยื้อทั้งทางบกและทางทะเล ชาวอเมริกันจึงสามารถยึดอำนาจการปกครองเหนือดินแดนกลับมาได้อีกครั้ง
น่าเสียดายที่การต่อสู้ส่งผลเสียหายต่อประเทศและทำให้เศรษฐกิจล้มเหลว แม้ในที่สุดชาวฟิลิปปินส์ได้รับเอกราชในปี ค.ศ. 1946 แต่ด้วยความเปราะบางจึงทำให้เอกราชที่ได้รับมาดำรงอยู่จนเพียงปี ค.ศ.1965 เมื่อเฟอร์ดินานด์มาร์คอสได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี มีการทุจริตอย่างมากในสมัยของประธานาธิบดีนี้ เกิดการจลาจลเพื่อต่อต้านรัฐบาลจนต้องประกาศกฎอัยการศึกและนำไปสู่ยุคสมัยที่น่าอับอายของประเทศการละเมิดสิทธิมนุษยชนของมาร์คอสไม่ลดน้อยถอยลงจนกระทั่งกลุ่มมวลชนออกมาเคลื่อนไหวในปี ค.ศ.1986และขับไล่มาร์คอสรวมถึงผู้สนับสนุนออกนอกประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างช้าๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้มะนิลากลับเข้ามามีบทบาทที่โดดเด่นอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น